การรับซื้อของโจรโดยไม่รู้ว่าเป็นของโจรเป็นกรณีที่มีความละเอียดอ่อนในทางกฎหมาย ในประเทศไทย มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คือ ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งกล่าวถึงการรับซื้อของโจรในมาตรา 357 นอกจากนี้ยังมีหลักการทางกฎหมายที่ช่วยคุ้มครองผู้ซื้อที่ไม่ได้มีเจตนารับซื้อของโจร ดังนี้:

1. หลักการเรื่องความรู้ของผู้ซื้อ

  • หากผู้ซื้อไม่ทราบว่าของที่ซื้อมาเป็นของโจรหรือได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีเหตุผลที่จะสงสัยว่าของนั้นเป็นของโจร ผู้ซื้อจะไม่ถูกถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ศาลจะพิจารณาจากพฤติการณ์ของการซื้อ เช่น ราคาของที่ต่ำผิดปกติ การซื้อขายที่ไม่มีใบเสร็จรับเงิน หรือข้อมูลอื่นที่บ่งชี้ว่าสินค้านั้นเป็นของที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

2. หลักความสุจริต (Good Faith)

  • หากผู้ซื้อปฏิบัติตามหลักการสุจริต คือ ทำการซื้อขายอย่างโปร่งใสและไม่มีเหตุที่จะต้องสงสัยเกี่ยวกับแหล่งที่มาของของนั้น ผู้ซื้อมีสิทธิ์ที่จะใช้หลักความสุจริตในการป้องกันตนเองไม่ให้ถูกดำเนินคดี

3. การคืนของที่ถูกขโมย

  • ถึงแม้ว่าผู้ซื้อจะไม่ได้มีเจตนารับซื้อของโจร แต่เมื่อทราบว่าของที่ซื้อมานั้นเป็นของโจร ผู้ซื้อจะต้องคืนของนั้นให้แก่เจ้าของที่แท้จริงตามกฎหมาย ไม่ว่าจะซื้อมาในราคาเท่าใดก็ตาม ผู้ซื้อจะไม่มีสิทธิ์เก็บของนั้นไว้ เพราะเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิด

4. การฟ้องร้องบุคคลที่ขายของโจร

  • หากผู้ซื้อถูกเอาของไปคืนให้เจ้าของเดิม สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ขายที่ขายของโจรให้ได้ หากผู้ขายไม่สามารถคืนเงินที่จ่ายไปได้ การฟ้องร้องเพื่อให้ได้รับการชดเชยจึงเป็นทางเลือกที่ถูกต้องตามกฎหมาย

5. การแจ้งความและการพิสูจน์ตัวเอง

  • หากผู้ซื้อรู้ในภายหลังว่าของที่ซื้อมานั้นเป็นของโจร ควรรีบแจ้งความและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และป้องกันไม่ให้ถูกดำเนินคดีในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดในการรับซื้อของโจร

สรุป

กฎหมายไทยมีการคุ้มครองผู้ที่รับซื้อของโจรโดยไม่รู้ แต่จะต้องเป็นการซื้อขายที่ทำโดยสุจริตและไม่มีเหตุที่จะต้องสงสัยว่าของนั้นเป็นของโจร ทั้งนี้ หากรู้ในภายหลังว่าของที่ได้มานั้นเป็นของโจร จะต้องคืนให้กับเจ้าของที่แท้จริงและมีสิทธิ์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ขาย